นางกวักเป็นเทพีแห่งขวัญหรือจิตวิญญาณในตำนานไทยโบราณ
มีแห่งกำเนิดมาจากความเชื่อท้องถิ่นของชนชาติไทยแต่ดั้งเดิมก่อนที่จะมีศาสนาฮินดูเข้ามาผสมจนกลายเป็นตำนานอีกเรื่องไป
ความเชื่อในเรื่องนางกวักปรากฏอยู่ในความเชื่อท้องถิ่นดั้งเดิมของชนกลุ่มไท-กะไดเป็นเสมือนผีที่คอยเรียกเงินเรียกทองและอารักษ์ร้านค้าที่รูปเคารพนางกวักได้ไปตั้งอยู่
เมื่อคนไทยได้รับวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวฮินดูเข้ามาจึงทำให้คนไทยมีการลากทับของวัฒนธรรม
นำมาสู่ตำนานของนางกวักอีกตำนานหนึ่ง
นางกวักชื่อจริงว่า
สุภาวดี บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ มารดาชื่อ สุมณฑา เกิดที่เมืองมัจฉิกาสัณฑ์
(อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองสาวัตถี) มีครอบครัวประกอบอาชีพทำมาค้าขาย
ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ ได้ขยายกิจการซื้อเกวียนมา 1 เล่ม
นำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น บางครั้งบุตรสาวขออนุญาตเดินทางไปด้วย
เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างการค้าขาย
สุภาวดีได้มีโอกาสพบกับ
"พระกัสสปเถระ" เป็นอริยสงฆ์แสดงธรรม
หลังจากสุภาวดีฟังธรรมเทศนาอย่างตั้งใจแล้ว
พระกัสสปเถระเจ้าได้กำหนดจิตเป็นอำนาจจิตพระอรหันต์ ประสิทธิ์ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว
โดยได้ตั้งกุศลจิตประสาทพรเช่นนี้ทุกครั้งที่สุภาวดีมีโอกาสไปฟังจนจบอำลากลับ
ต่อมา สุภาวดีได้เดินทางติดตามบิดาไปทำการค้า
และมีโอกาสฟังธรรมพระอริยสงฆ์อีกท่านหนึ่ง นามว่า "พระสิวลีเถระเจ้า"
สุภาวดีได้ฟังธรรมอย่างตั้งใจ สุภาวดีจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆ
เป็นอันมาก พระสิวลีเป็นผู้มีชีวิตอัศจรรย์กว่าพระสงฆ์อื่น คือ
ท่านอยู่ในครรภ์มารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน
จึงคลอดออกมา พร้อมด้วยวาสนา บารมี ที่ติดกับวิญญาณธาตุของท่าน
ท่านจึงเป็นผู้มีลาภสักการบูชามาหาท่านตลอด เมื่อถึงคราวจำเป็นและต้องการ
ทุกครั้งที่สุภาวดีได้ฟังธรรมและลากลับ พระสิวลีเถระเจ้าได้กำหนดกุศลจิต
ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว เช่นเดียวกัน
จิตของสุภาวดีจึงได้รับประสาทพรจากพระอรหันต์ถึงสององค์
ส่งผลให้บิดาทำการค้าได้กำไรไม่เคยขาดทุน
นางได้รับพรว่า
"ขอให้เจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง
จากการค้าขายสินค้าต่างๆสมความปรารถนาเถิด"
บิดารู้ว่าสุภาวดีคือผู้ที่เป็นสิริมงคลที่แท้จริง
เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัว
ครอบครัวร่ำรวยขึ้นเป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองและกองเกวียนสินค้ามากมาย
เทียบได้กับธนัญชัยเศรษฐี บิดาของวิสาขาแห่งแคว้นโกศล
บิดาของสุภาวดีได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธา
เมื่อนางสิ้นชีวิตแล้ว ชาวบ้านจึงปั้นรูปแม่นางสุภาวดีไว้บูชา
ขอให้การค้ารุ่งเรือง และความเชื่อดังกล่าวนี้
ก็แพร่หลายเข้ามายังดินแดนสุวรรณภูมิ จากการเผยแพร่ของพราหมณ์ และยังคงเป็นความเชื่อที่สืบมาจนถึงทุกวันนี้