เรื่องชื่อของท่านนั้น นอกจากจะเรียกว่า “พระอุปคุตเถระ” แล้ว ยังมีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นอีก เช่น
“พระเถรอุปคุต” ชื่อนี้เรียกเป็นภาษาชาวบ้าน โดยนำเอาคำว่า
“เถระ”
อันเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้บอกถึง “ความมั่นคง” ในพระธรรมวินัย หรือบวชพระครองเพศสมณะมาแล้วตั้งแต่ ๑๐
พรรษา ขึ้นไป
“พระนาคอุปคุต” ชื่อนี้ใช้เรียกเพื่อกันมิให้ซ้ำกับชื่อของพระเถระรูปอื่น และมีความหมายว่า พระอุปคุตผู้ประเสริฐ
“พระกีสนาคอุปคุต” ชื่อนี้เป็นชื่อเต็มที่เรียกตามนิมิตหมายแห่งร่างกายของท่าน คือ
ท่านเป็นผู้มีร่างกายซูบผอม
(กีสะ แปลว่า ผอมหรือบอบบาง)
และอีกชื่อหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของนักเลงพระ คือ “พระบัวเข็ม” หรือ “หลวงพ่อบัวเข็ม” ชื่อนี้เรียกกันเป็นภาษาไทย และเหตุที่เรียกอย่างนี้
เพราะว่ามีใบบัวคลุมศรีษะและมีเข็มปักอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายของท่าน
แต่ชื่อของท่านที่ใช้เรียกกันอยู่โดยทั่วไป นิยมเรียกเพียงสั้นๆ ว่า
พระอุปคุต
เป็นศัพท์ทางภาษาบาลี หรือ พระอุปคุปต์
เป็นภาษาสันสกฤต โดยทั้งสองชื่อมีความหมายว่า ผู้มีความคุ้มครองมั่นคง
อดีตชาติของพระอุปคุต
ในอดีตชาติ มีสัตว์ต่างๆ
เป็นอันมากดำรงชีพอยู่บนไหล่เขาทั้ง
๓ ของภูเขาอุรุมมุณฑะ มีพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐
พระองค์ อยู่ ณ
ไหล่เขาแห่งหนึ่ง ฤาษี ๕๐๐
ตน อยู่ ณ ไหล่เขาอีกแห่งหนึ่ง และวานร
๕๐๐ ตัว อยู่ ณ ไหล่เขาแห่งที่สาม
วันหนึ่ง พญาวานรและบริวารไปยังไหล่เขาที่พระปัจเจกพุทธเจ้าประทับอยู่ เมื่อเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พญาวานรบังเกิดศรัทธา จึงได้นำใบไม้
รากไม้ และผลไม้ ไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเจริญสมาธิภาวนา พญาวานรได้กราบพระปัจเจกพุทธเจ้าที่อาวุโสสูงสุด
แล้วไปทางท้ายของพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ที่อ่อนอาวุโสที่สุด จากนั้นพญาวานร ก็ได้นั่งสมาธิด้วย
ครั้นต่อมาไม่นาน
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมดก็ได้เสด็จปรินิพพาน พญาวานรไม่ทราบว่าเสด็จปรินิพพานแล้ว ยังคงเอาใบไม้
รากไม้ และผลไม้ไปถวาย แต่ท่านไม่รับประเคน พญาวานรจึงไปจับชายจีวร และจับเบื้องพระบาท
จึงรู้ว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว พญาวานรโศกเศร้า เสียใจ
ร้องไห้
จากนั้นพญาวานรได้ไปยังไหล่เขาอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พำนักของฤาษี ๕๐๐
ตน ฤาษีเหล่านั้นกำลังทรมานตน บางตนมีหนามติดรอบกาย บางตนมีเตียงเป็นขี้เถ้าบางตนยืนมือชี้ฟ้า เป็นต้น
พญาวานรได้ทำลายตบะวิธีของฤาษีเหล่านั้น
แล้วนั่งสมาธิต่อหน้าฤาษี
ฤาษีรายงานการกระทำของวานรให้อาจารย์ฟัง
อาจารย์จึงแนะให้บรรดาฤาษีนั่งสมาธิบ้าง
ฤาษีทั้ง ๕๐๐ ตน จึงนั่งสมาธิ
จนในที่สุดได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ต่อมาพระปัจเจกพุทธเจ้าดำริว่า เพราะวานรตัวนี้ทำให้ได้บรรลุคุณวิเศษสุด จึงได้ปรนนิบัติพญาวานรด้วยรากไม้และผลไม้ เมื่อพญาวานรถึงกาลกิริยา พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นก็ได้ปลงศพให้ โดยใช้ไม้หอมมาประชุมเพลิง
พุทธพยากรณ์
กล่าวกันว่า
ก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้มีพระพุทธดำรัสกับพระอานนท์ว่า
“ดูกร อานนท์
ณ นครมถุรานี้ อีกร้อยปีแต่ตถาคตนิพพานแล้ว จะมีคนขายน้ำหอม ชื่อคุปตะ
เขาจะมีลูกชื่ออุปคุต
ซึ่งจะได้เป็นอนุพุทธที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะ
ท่านผู้นี้จะทำงานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป เทศนาของท่านผู้นี้จะช่วยให้พระภิกษุเป็นอันมาก เอาชนะกิเลสมารได้ จนเข้าถึงอรหัตตผล... นอกจากนี้แล้ว
พระอุปคุตรูปนี้จะเป็นเอตทัคคะในบรรดาธรรมกถึกทั้งหลายของเรา” “อานนท์
เธอแลเห็นเส้นยาวสีคล้ำทางสุดสายตาโน้นไหม”
“นั่นแล อานนท์คือภูเขาชื่ออุรุมมุณฑะ อีกร้อยปีแต่ตถาคตนิพพานแล้ว พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ ศาณกวาสิน
จะให้สร้างวัดขึ้นที่นั่นแล้วจะให้อุปสมบทแก่อุปคุต...”