“พระธาตุ แก้วจักรพรรดิ”เป็นพระธาตุพุทธนิมิต
หรือทางภาคเหนือเรียก “พระธาตุเชียงแสน”
พบมากทางภาคเหนือตอนบน
บริเวณแถบ
ชายแดนไทย
-พม่า เมื่อก่อนที่ผมเคยได้มาจากผู้อื่น
ผมเคยมีความลังเลสงสัยว่า
ลักษณะคล้ายเม็ดกันความชื้น
พระธาตุ
แก้วจักรพรรดิ สามารถเปลี่ยนสีได้ทันทีทันใด
เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
สีของพระธาตุจักรพรรดิ
จะเข้มกว่ากับเม็ดกันความชื้น
หากนำมาเปรียบเทียบ
จะมีสีแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
พระธาตุแก้วจักรพรรดิ
จะมีความเปราะบางกว่าเม็ดกันความชื้นจะแตกง่ายกว่า
พระธาตุจักรพรรดิสามารถโตขึ้นได้
ซึ่งเม็ดกันความชื้น
จะมีขนาดเท่าเดิมขนาดของพระธาตุแก้วจักรพรรดิ
จะไม่เท่ากัน
เล็กสุดขนาดประมาณเม็ดผักชี ถึงใหญ่สุด
เท่าเมล็ดถั่วลิสง
ส่วนเม็ดกันความชื้นจะมีขนาดเท่ากัน
พระธาตุแก้วจักรพรรดิมักพบตามเจดีย์เก่า
ๆ
ซึ่งมีอายุนับร้อย
ๆ ปี ที่ผุพังตามกาลเวลา ส่วนเม็ดกันความชื้น
นั้น
เป็นสารสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกิดมาได้ไม่ถึง 50 สิบปี
นอกจากนี้
ลักษณะพระธาตุจักรพรรดิ หรือพระธาตุเชียงแสน
ที่อัญเชิญมาจะได้จากในถ้ำนั้น
จะมีคราบหุ้มคล้ายสนิมขาว ๆ
หรือคล้ายเมือกขาวๆ
หุ้มอยู่ เมื่ออัญเชิญมาแล้ว
จะต้องใช้ทินเนอร์หรือน้ำมันจักรล้างออก
เป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่า
พระธาตุแก้วจักรพรรดิ
จะเปลี่ยนสีคามคุณธรรมของผู้ดูแล
ลักษณะสีจะคล้ายแก้วนาคาหรือเพชรนาคา
แต่ในยุค
ปัจจุบัน เทคโนโลยีเจริญขึ้น ทำให้คนทั่วไป
ได้มีการได้พบเห็นพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
ทั้งสัณฐานและวรรณะต่างๆที่ไม่มีระบุไว้ในตำราเป็น
จำนวนมาก
ทำให้หลายๆ ท่านเกิดลังเลสงสัย
ผมว่าเราควรจะเปิดใจกว้างในเรื่องนี้
แต่ไม่ใช่งมงาย
โดยยึดหลักเหตุตามคำสอนของพระพุทธศาสนา
และ
ผมคงขอกล่าวประโยคง่าย
ๆ เช่นเดิม คือ พุทโธ อัปปมาโน
ธัมโม อัปปมาโน สังโฆ อัปปมาโน