ลัทธิ (Doctrine)
คือคำสั่งสอน
ที่มีผู้เชื่อถือและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นลัทธิทางการเมือง
ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิปรัชญา ลัทธิทางศาสนา เป็นต้น
ลัทธิทางศาสนาจะมีความหมายแคบกว่าศาสนา
ซึ่งเป็นคำสอนเฉพาะกลุ่มของผู้นับถือศาสนาเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ
เช่น พุทธศาสนา มีลัทธิมหายาน ลัทธิหินยาน(เถรวาท) หรือใช้คำว่า นิกาย แทนก็ได้
ลัทธิที่แสดงถึงความเชื่อหรือแนวทางปฏิบัติเพื่อเพื่อความมั่นคงทางจิตใจของมนุษย์แต่ไม่มีลักษณะที่เรียกว่าศาสนาได้
เช่น ลัทธิบูชาบรรพบุรุษ ลัทธินับถือผีสางเทวดา เป็นต้น
ลัทธิเหล่านี้มีแต่คำสั่งและพิธีกรรม แต่ไม่มีหลักคำสอนทางจริยธรรม
ไม่มีคัมภีร์หรือองค์ศาสดา จึงไม่อาจเรียกว่าศาสนาได้
ความแตกต่างระหว่าง ลัทธิ
กับ ศาสนา
1. ลัทธิ อาจไม่มีคำสั่งสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาเหมือนอย่างศาสนาก็ได้
เช่นลัทธิความเชื่อของเผ่าต่าง ๆ ในสังคมบรุพกาล ที่เน้นแต่การทำพิธีกรรมบูชาเทพเจ้า ภูตผีปีศาจ แต่ไม่มีหลักคำสอนทางศีลธรรมจรรยา
2. ลัทธิ มีคำสอนเรื่องจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตที่แตกต่างจากศาสนา กล่าวคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ที่ศาสนากำหนด คือ ความสุขในทางธรรม
ความสงบสุขทางจิตใจและมุ่งแก้ปัญหาที่เป็นลักษณะปัญหาสากลของมนุษย์ เช่น ความทุกข์ ความผิดหวัง และพฤติกรรมความดี ความชั่ว เป็นต้นแต่จุดมุ่งหมายของลัทธิ จะเน้นความสุขทางโลก
มุ่งแก้ปัญหาของมนุษย์และสังคมและมีความเหมาะสมเฉพาะสังคมบางท้องถิ่นและ เฉพาะสมัยเท่านั้น
เช่น ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ เป็นต้น
4.
คำสอนของลัทธิ
เกิดจากความคิดและทัศนะส่วนตัวของเจ้าลัทธิเอง
แต่สำหรับศาสนา คำสอนเกิดจากพระบัญชาของพระเจ้า
โดยมีโองการผ่านทางศาสดา ศาสดามิได้คิดขึ้นเอง
(ยกเว้น พุทธศาสนา ถือว่าคำสอนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบและนำมาเผยแพร่
เนื่องด้วยเป็นศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า)
5. คำสอนของลัทธิไม่มีลักษณะความศักดิ์สิทธิ์ แต่ศาสนามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการบูชาของศาสนิกชนผู้นับถือ
ไม่พอใจเมื่อถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
6. ลัทธิไม่มีสถาบันที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสอนและไม่มีคัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนไว้เป็นหมวดหมู่
แต่ศาสนามีนักบวชทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนของศาสดาและมีคัมภีร์รวบรวมเป็นลายลักษณ์อักษร ลัทธิอาจมีหนังสือที่เจ้าของลัทธิแต่งขั้น
แต่มิใช่คัมภีร์ เช่น ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิการเมือง เป็นต้น