ตามความเชื่อและบันเทิงคดีแต่โบราณ
ผี (อังกฤษ: ghost)
เป็นวิญญาณ (soul) หรือสปิริต (spirit)
ของคนหรือสัตว์ที่ตาย ซึ่งสามารถปรากฏให้คนเป็นเห็นได้
ไม่ว่าจะในรูปที่มองเห็นได้หรือสำแดงออกมาในรูปอื่น
รายละเอียดการปรากฏตัวของผีมีหลากหลายมากตั้งแต่การแสดงตนแบบมองไม่เห็น
ปรากฏเป็นรูปร่างบอบบางที่
โปร่งแสงหรือแทบมองไม่เห็น
ไปจนถึงการเห็นภาพสมจริงดุจมีชีวิต
ความเชื่อในการแสดงตนของวิญญาณผู้ตายนั้นมีแพร่หลาย
ย้อนไปตั้งแต่วิญญาณนิยมหรือการบูชาบรรพบุรุษในวัฒนธรรมก่อนรู้หนังสือ
หลักในบางศาสนา เช่น พิธีกรรมงานศพ พิธีไล่ผี หลักเจตนิยมบางประการและเวทมนตร์
ได้รับการออกแบบมาเพื่อปลอบวิญญาณของผู้ตายให้สงบโดยเฉพาะ ผีมักได้รับการอธิบายว่า
เป็นสิ่งที่อยู่โดดเดี่ยวซึ่งสิงสู่ในสถานที่ วัตถุหรือบุคคลหนึ่ง ๆ
ที่ผีผูกพันยามมีชีวิตอยู่
ความสงสัยทางวิทยาศาสตร์
จอห์น
เฟอร์เรียร์ แพทย์ชาวสกอต เขียน An essay towards a theory of apparitions (ความเรียงว่าด้วยทฤษฎีการปรากฏตัวของผี)
ใน ค.ศ. 1813 ซึ่งเขาแย้งว่า การพบเห็นผีเป็นผลมาจากภาพลวงตา
ภายหลัง แพทย์ชาวฝรั่งเศส Alexandre Jacques François Brière de Boismont ตีพิมพ์ On Hallucinations: Or, the Rational History of
Apparitions, Dreams, Ecstasy, Magnetism, and Somnambulism (ว่าด้วยประสาทหลอน:
หรือประวัติศาสตร์ผี ความฝัน ปิติสานติ์ อำนาจแม่เหล็กและอาการละเมอเดินถูกเหตุผล)
ใน ค.ศ. 1845 ซึ่งเขาอ้างว่า
การพบเห็นผีเป็นผลมาจากประสาทหลอน
Joe
Nickell แห่ง Committee for Skeptical Inquiry เขียนว่า ไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือว่ามีสถานที่ซึ่งมีวิญญาณของผู้ตายอาศัยอยู่
ความบกพร่องของสัญชานมนุษย์และคำอธิบายทางกายภาพตามปกติสามารถเป็นเหตุผลของการพบเห็นผีได้
ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงความดันอากาศในบ้านทำให้ประตูกระแทกปิดเสียงดัง
หรือแสงไฟจากรถยนต์ที่ผ่านไปมาสะท้อนผ่านกระจกในยามค่ำคืน พาเรียโดเลีย (Pareidolia)
การโน้มเอียงโดยกำเนิดที่จะยอมรับรูปแบบในสัญชานสุ่ม
เป็นสิ่งที่ผู้กังขาเชื่อว่าทำให้คนเชื่อว่าตนเอง "เห็นผี"[4] สำหรับรายงานของผี "โผล่ออกมาจากมุมตา" อาจอธิบายได้ว่า
เป็นความว่องไวของการมองภาพด้านข้างของมนุษย์ ตามข้อมูลของ Nickell การมองภาพด้านข้างสามารถทำให้หลงผิดได้ง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลางดึกเมื่อสมองอ่อนล้าและมีแนวโน้มตีความภาพและเสียงอย่างผิด ๆ
นักวิจัยบางคน
อาทิ Michael
Persinger แห่งมหาวิทยาลัยลอเรนเทียน ประเทศแคนาดา สังเกตว่า
ความเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก
(ซึ่งถูกสร้างขึ้นได้จากความเครียดเทคโทนิกส์ในเปลือกโลกหรือกิจกรรมของดวงอาทิตย์
เป็นต้น) สามารถกระตุ้นสมองกลีบขมับ และสร้างประสบการณ์จำนวนมากซึ่งเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ในความทรงจำ
คาดกันว่า เสียงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการพบเห็นที่ทึกทักว่าเป็นจริง Richard
Lord และ Richard Wiseman ได้สรุปว่า
อินฟราซาวน์สามารถทำให้มนุษย์ประสบความรู้สึกแปลก ๆ ในห้องได้ เช่น ความกังวล
ความโศกเศร้าอย่างยิ่ง ความรู้สึกว่ากำลังถูกมอง หรือกระทั่งอาการหนาวสะท้าน มีคำอธิบายบ้านผีสิงที่เป็นไปได้มาตั้งแต่
ค.ศ. 1921 ว่า การได้รับพิษคาร์บอนมอนออกไซด์สามารถทำให้การรับรู้ของระบบตาและหูเปลี่ยนไปได้