ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันสร้างลานเจดีย์และองค์พญานาคทางเข้าพระเจดียศรีทศพลบรมไตรโลกนาถ ณ วัดน้ำเขียว (บุญช่วยสามัคคีธรรม) ต.กองทูล อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อถวายเป็นไตรรัตนบูชา

พระอุปคุต



           
พระอุปคุต  ผู้เป็นพระอรหันตสาวกที่ทรงมหิทธานุภาพ  ชอบความวิเวกวังเวงและอยู่ตามลำพังผู้เดียว  ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับผู้อื่น  เป็นพระอรหันต์หลังสมัยพุทธกาลเพราะไม่พบประวัติของท่านในพระไตรปิฎก  แต่ปรากฏอยู่ในจารึกพระเจ้าอโศก  ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีหลังพุทธปรินิพพาน  และปรากฏอยู่ในพระปฐมสมโพธิกถา  ซึ่งเป็นพระนิพนธ์กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส  โดยอยู่ปริจเฉทที่  ๒๘  ที่มีชื่อว่า  มารพันธปริวรรต
                เรื่องชื่อของท่านนั้น  นอกจากจะเรียกว่า  พระอุปคุตเถระ  แล้ว  ยังมีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นอีก  เช่น
                พระเถรอุปคุต  ชื่อนี้เรียกเป็นภาษาชาวบ้าน  โดยนำเอาคำว่า  เถระ  อันเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้บอกถึง  ความมั่นคง  ในพระธรรมวินัย  หรือบวชพระครองเพศสมณะมาแล้วตั้งแต่  ๑๐  พรรษา  ขึ้นไป
                พระนาคอุปคุต  ชื่อนี้ใช้เรียกเพื่อกันมิให้ซ้ำกับชื่อของพระเถระรูปอื่น  และมีความหมายว่า  พระอุปคุตผู้ประเสริฐ
                พระกีสนาคอุปคุต  ชื่อนี้เป็นชื่อเต็มที่เรียกตามนิมิตหมายแห่งร่างกายของท่าน  คือ  ท่านเป็นผู้มีร่างกายซูบผอม  (กีสะ  แปลว่า  ผอมหรือบอบบาง)
                และอีกชื่อหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของนักเลงพระ  คือ  พระบัวเข็ม  หรือ  หลวงพ่อบัวเข็ม  ชื่อนี้เรียกกันเป็นภาษาไทย  และเหตุที่เรียกอย่างนี้  เพราะว่ามีใบบัวคลุมศรีษะและมีเข็มปักอยู่ตามส่วนต่างๆ  ของร่างกายของท่าน
                แต่ชื่อของท่านที่ใช้เรียกกันอยู่โดยทั่วไป  นิยมเรียกเพียงสั้นๆ  ว่า  พระอุปคุต  เป็นศัพท์ทางภาษาบาลี  หรือ  พระอุปคุปต์  เป็นภาษาสันสกฤต  โดยทั้งสองชื่อมีความหมายว่า  ผู้มีความคุ้มครองมั่นคง
อดีตชาติของพระอุปคุต
                ในอดีตชาติ  มีสัตว์ต่างๆ  เป็นอันมากดำรงชีพอยู่บนไหล่เขาทั้ง    ของภูเขาอุรุมมุณฑะ  มีพระปัจเจกพุทธเจ้า  ๕๐๐  พระองค์  อยู่    ไหล่เขาแห่งหนึ่ง  ฤาษี  ๕๐๐  ตน  อยู่    ไหล่เขาอีกแห่งหนึ่ง  และวานร  ๕๐๐  ตัว  อยู่    ไหล่เขาแห่งที่สาม
                วันหนึ่ง  พญาวานรและบริวารไปยังไหล่เขาที่พระปัจเจกพุทธเจ้าประทับอยู่  เมื่อเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย  พญาวานรบังเกิดศรัทธา  จึงได้นำใบไม้  รากไม้  และผลไม้  ไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น  เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเจริญสมาธิภาวนา  พญาวานรได้กราบพระปัจเจกพุทธเจ้าที่อาวุโสสูงสุด  แล้วไปทางท้ายของพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ที่อ่อนอาวุโสที่สุด  จากนั้นพญาวานร  ก็ได้นั่งสมาธิด้วย
                ครั้นต่อมาไม่นาน  พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมดก็ได้เสด็จปรินิพพาน  พญาวานรไม่ทราบว่าเสด็จปรินิพพานแล้ว  ยังคงเอาใบไม้  รากไม้  และผลไม้ไปถวาย  แต่ท่านไม่รับประเคน  พญาวานรจึงไปจับชายจีวร  และจับเบื้องพระบาท  จึงรู้ว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว  พญาวานรโศกเศร้า  เสียใจ  ร้องไห้
                จากนั้นพญาวานรได้ไปยังไหล่เขาอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พำนักของฤาษี  ๕๐๐  ตน  ฤาษีเหล่านั้นกำลังทรมานตน  บางตนมีหนามติดรอบกาย  บางตนมีเตียงเป็นขี้เถ้าบางตนยืนมือชี้ฟ้า  เป็นต้น  พญาวานรได้ทำลายตบะวิธีของฤาษีเหล่านั้น  แล้วนั่งสมาธิต่อหน้าฤาษี
                ฤาษีรายงานการกระทำของวานรให้อาจารย์ฟัง  อาจารย์จึงแนะให้บรรดาฤาษีนั่งสมาธิบ้าง  ฤาษีทั้ง  ๕๐๐  ตน  จึงนั่งสมาธิ  จนในที่สุดได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า  ต่อมาพระปัจเจกพุทธเจ้าดำริว่า  เพราะวานรตัวนี้ทำให้ได้บรรลุคุณวิเศษสุด  จึงได้ปรนนิบัติพญาวานรด้วยรากไม้และผลไม้  เมื่อพญาวานรถึงกาลกิริยา  พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นก็ได้ปลงศพให้  โดยใช้ไม้หอมมาประชุมเพลิง

พุทธพยากรณ์
              กล่าวกันว่า  ก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน  พระองค์ได้มีพระพุทธดำรัสกับพระอานนท์ว่า
                ดูกร  อานนท์    นครมถุรานี้  อีกร้อยปีแต่ตถาคตนิพพานแล้ว  จะมีคนขายน้ำหอม  ชื่อคุปตะ  เขาจะมีลูกชื่ออุปคุต  ซึ่งจะได้เป็นอนุพุทธที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะ  ท่านผู้นี้จะทำงานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป  เทศนาของท่านผู้นี้จะช่วยให้พระภิกษุเป็นอันมาก  เอาชนะกิเลสมารได้  จนเข้าถึงอรหัตตผล...  นอกจากนี้แล้ว  พระอุปคุตรูปนี้จะเป็นเอตทัคคะในบรรดาธรรมกถึกทั้งหลายของเรา” “อานนท์  เธอแลเห็นเส้นยาวสีคล้ำทางสุดสายตาโน้นไหม
นั่นแล  อานนท์คือภูเขาชื่ออุรุมมุณฑะ  อีกร้อยปีแต่ตถาคตนิพพานแล้ว  พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ  ศาณกวาสิน  จะให้สร้างวัดขึ้นที่นั่นแล้วจะให้อุปสมบทแก่อุปคุต...