ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันสร้างลานเจดีย์และองค์พญานาคทางเข้าพระเจดียศรีทศพลบรมไตรโลกนาถ ณ วัดน้ำเขียว (บุญช่วยสามัคคีธรรม) ต.กองทูล อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อถวายเป็นไตรรัตนบูชา

เดินทางแสวงบุญกราบรอยพระพุทธบาท ณ เกาะแก้วพิสดาร



ครั้งนี้ผมจะขอเล่าประสบการณ์การเดินทางแสวงบุญให้ทุกท่านอ่านอีกสถานที่คือการเดินทางไปยังเกาะแก้วพิสดาร ณ จังหวัดภูเก็ต เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่บนก้อนหินริมทะเลเกาะแก้วพิสดาร ที่สามารถมองเห็นได้จำนวน 2 รอย และอยู่ใต้น้ำอีก 1 รอย รอยใต้น้ำนี้มีผู้มาบอกอีกทีครับและรอยนี้ท่านที่มาบอกหวงเอามากมากครับ ถ้าช่วงที่น้ำลงนั้นจะมองเห็นชัดเจน เกาะแก้วพิศดารแห่งนี้มีความเป็นธรรมชาติบนเกาะมีสำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดารตั้งอยู่บริเวณริมทะเล หาดทรายงดงามมากครับ

เกาะแก้วพิสดารอยู่ห่างจาก แหลมพรหมเทพ ไปทางตอนใต้ เพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถนั่งเรือประมาณ 20 นาทีก็ถึง ไปลงเรือที่ท่าเรือราไวย์ มีเฉพาะเรือหางยาว ที่จะพาไปยังเกาะแก้วพิสดาร
ในครั้งที่ผู้เขียนได้เดินทางยังเกาะนั้นขณะนั่งเรือไปช่วงนั้นมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร เหมือนเรือเราลอยไปตามคลื่นและขึ้นๆลงๆตามกระแสคลื่นไปทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกแปลกๆแบบบอกไม่ถูกเพราะมองดูน้ำทะเลใต้เรือออกมืดดำๆไม่เขียวและใสเหมือนก่อนเราลงเรือมาตลอดทางจนถึงเกาะ เมื่อเรามาถึงยังเกาะได้มองดูทรายอันขาวละเอียดดูเนียนสายตา น้ำ
ก็เขียวใสสะอาดงดงามมากและรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกในครานั้น ผมไม่รอช้าเดินมุ่งตรงไปยังรอยพระบาททันทีเพื่อทำการสักการะรอยพระพุทธบาทตามที่ได้ตั้งใจไว้ ผมได้ทำการสักการะพระพุทธและเจดีย์ พร้อมนั่งสมาธิสำรวมจิตกายวาจาใจก่อนเดินลงไปสักการะรอยพระพุทธบาท หลังจากกายใจเราพร้อมแล้วผมได้ลงไปกราบสักการะรอยพระบาทที่จุดแรกและนั่งสมาธิอีกครั้งหลังจากออกจากสมาธิแล้ว ณ จุดนี้เองผมได้รับความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้คือผมได้รับพระบรมสารีริกธาตุเมล็ดสีขาวในอยู่เบื้องหน้าผมจำนวน 3 องค์ทำเอาผมเองขนลุกทั่วตัวด้วยร่างที่เปียกไปด้วยน้ำทะเลที่คลื่นสาดกระทบเข้าหาฝั่ง จากนั่นผมได้เดินตามทางเดินออกไปที่อีกรอยพระบาทที่อยู่บนโขดหินด้านนอกริมทะเลเพื่อทำการสักการะแบบใกล้ชิดติดรอยพระบาทและ ณ จุดนี้ทำให้ผมได้ทราบว่ายังมีพระบาทอีกรอยหนึ่งอยู่ใต้น้ำ แต่สิ่งที่เกิดภายในบอกเราว่ารอยนี้ห้ามยุ่งหวงมาก หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนจุดเพื่อไปสักการะอีกรอยพระบาทที่เคยมีการสร้างมลฑปคลอบไว้แต่ก็ได้พังลงไปเหลือแต่โครงสร้างไว้อยู่ เมื่อผมได้สักการะครบแล้วก็เดินสำรวจตามจุดต่างๆอีกจนเวลาใกล้เย็น อยู่ผมเองก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครบอกว่าให้กลับไปได้แล้ว ผมจึงเดินทางออกจากเกาะเพื่อมาขึ้นฝั่งเป็นเวลาใกล้มืดตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าพอดี การได้ไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทครั้งนี้นับได้เป็นเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งแต่ที่เป็นปิติของกระผมมากคือผมได้พระบรมสารีริกธาตุกลับมาด้วยเหมือนเหตุเพื่อให้ผมนำกลับมาร่วมบรรจุในพระเจดีย์ศรีทศพลบรมไตรโลกนาถ ที่พวกกระผมกลุ่ม ภูมิแสงธรรมได้กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่นั้น และในครั้งนี้ต้องขออนุญาติทุกท่านจบเล่าเรื่องการเดินทางยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไว้แค่นี้ก่อน โอกาสหน้าผมจะเล่าประสบการณ์เดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อื่นให้ทุกท่านได้อ่านต่อไปครับ ///// อัครพล