ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันสร้างลานเจดีย์และองค์พญานาคทางเข้าพระเจดียศรีทศพลบรมไตรโลกนาถ ณ วัดน้ำเขียว (บุญช่วยสามัคคีธรรม) ต.กองทูล อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อถวายเป็นไตรรัตนบูชา

ศาลต้นไทรหลวง แห่งลุ่มน้ำปากพนัง



สวัสดีครับทุกท่าน และขออนุโมทนาบุญในทุกๆบุญกุศลของทุกท่านด้วย ไม่ได้เล่าเรื่องราวการเดินทางแสวงบุญเสียพักใหญ ในครั้งนี้จึงอยากขอเล่าเรื่อง “ศาลต้นไทรหลวง” ลุ่มน้ำปากพนัง อนุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณ
คงจะมีน้อยคนใน  จ.นครศรีธรรมราช ที่จะไม่รู้จัก ศาลต้นไทรหลวง โดยเฉพาะคนใน อ.เชียรใหญ่ และ อ.หัวไทร ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ต่างเลื่องลือถึงกิตติศัพท์ของความศักดิ์ขณะก่อสร้างโครงการเมื่อหลายปีก่อน ที่ต้องหยุดชะงักไปพักใหญ่ เพราะ
เครื่องยนต์ของเครื่องจักรกลจะดับทุกครั้งที่เข้าไปใกล้ต้นไทรใหญ่ ทั้งยังมีคนงานล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอีกด้วย ชาวบ้านที่นั่นต่างเชื่อว่า สาเหตุของเรื่องราวประหลาดดังกล่าวเกิดจาก "อาถรรพณ์" ของต้นไทร โดยบริเวณใต้ต้นไทรยังขุดพบซากกระดูกมนุษย์ และสัตว์ใหญ่ต่างๆ รวมทั้งเปลือกหอยทะเล เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็พากันไปกราบไหว้ต้นไทรกันเป็นจำนวนมาก ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มา ณ แปลงปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2545
 ครั้งนั้น นายจำนูญ พลายด้วง ชาวบ้าน ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ และได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงต้นไทรโบราณขนาดใหญ่ที่ขึ้นขวางแนวขุดคลองชะอวด-แพรกเมือง   นายจำรูญ กราบบังคมทูลถึงเรื่องราวประหลาดที่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่จะดับทุกครั้งเมื่อขับเคลื่อนมาถึงต้นไทร และเมื่อมีชาวบ้านมาตั้งเครื่องเซ่นไหว้ และขอโชคลาภก็สมปรารถนาในสิ่งที่ขอ จึงมีความเชื่อว่าต้นไทรต้นนั้นเป็นต้นไทรศักดิ์สิทธิ์
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำริให้ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขานุการมูลนิธิชัยพัฒนา ไปดำเนินการจัดสร้างศาลหลวงขึ้นตามโบราณราชประเพณี
ต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานงบประมาณให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการก่อสร้างศาลขึ้น โดยมี นาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบ
 เมื่อจัดสร้างแล้วเสร็จ มูลนิธิชัยพัฒนาได้ประสานกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง คำนวณฤกษ์ศุภมงคลการพิธีตั้งศาลตามฤกษ์ โดยมีพราหมณ์หลวงเป็นผู้ประกอบพิธีหลวง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2547 เวลา 10.09 น.
 ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ศาลหลวงต้นไทร จึงเป็นที่เคารพสักการะของชาวลุ่มน้ำปากพนัง ทั้งยังเป็นอนุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกด้วย ศาลหลวงต้นไทรยังถือเป็นสถานที่ยอดนิยมในพื้นที่ และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังฯ จากภูมิทัศน์ที่สวยงาม แปลกตา และต้นไทรขนาดใหญ่ที่ยืนต้นตระหง่านอยู่กลางลำน้ำ
 ด้วยเหตุนี้ ในวันหยุดยาวจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประทศ โดยเฉพาะชาวสิงคโปร์ และมาเลเซีย เดินทางมากราบไหว้ศาลต้นไทรเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ การให้โชคลาภ และให้คุ้มครองในการเดินทางด้วย
 ศาลหลวงต้นไทร จึงเป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจของชาวลุ่มน้ำปากพนัง และเป็นอนุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงรักและห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้ .
ประกอบกับช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสพบกับสหายธรรมซึ่งเป็นฆราวาสผู้ปฎิบัติกรรมฐานในสายวิทยาอาคม และหมอยาโบราณ และเคยได้รับการเรียนวิชาจากเทพเทวาชั้นสูงผู้ปกปักรักษาไทรหลวงนี้ด้วย ซึ่งได้เล่าให้ฟังถึงความศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและวิชาโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดมาให้ผมฟังและได้แลกเปลี่ยนธรรมะกันด้วย และนำมาพิจารณาได้ว่าสิ่งลี้ลับเหล่านี้เป็นศาสตร์วิชาอีกแขนงนึงที่แปลกและยังมีอยู่ควบคู่กับเส้นทางปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นจริงๆ อยู่ที่ท่านจะตอบตัวเองให้ได้ว่าจะเลือกเดินเส้นทางไหนตามวิถีแห่งตนเท่านั้นเอง